เลนส์กรองแสงสีฟ้าแบบราคาถูกและเลนส์แบรนด์เนมวางเปรียบเทียบบนโต๊ะไม้

แว่นกรองแสงสีฟ้า ราคาแตกต่าง แต่คุณภาพต่างไหม?

ในยุคที่เราต้องจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์และมือถือเกือบทั้งวัน “แว่นกรองแสงสีฟ้า” กลายเป็นไอเทมจำเป็นสำหรับคนทำงานยุคดิจิทัล แต่เมื่อเริ่มหาซื้อ หลายคนมักเจอคำถามคลาสสิกว่า — แว่นกรองแสงสีฟ้า ราคาหลักร้อยกับหลักพัน ต่างกันยังไง? บางรุ่นราคาถูกแค่ไม่กี่ร้อย แต่บางแบรนด์กลับสูงถึงหลักหมื่น บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่างทั้งในด้าน คุณภาพของเลนส์ การกรองแสง และความสบายในการใช้งานจริง เพื่อให้เลือกได้เหมาะกับงบและสายตาของคุณที่สุด

แว่นกรองแสงสีฟ้า ราคาถูก หลักร้อย – ข้อดี ข้อจำกัด และความจริงที่ควรรู้

เลนส์บลูบล็อกราคาถูก หรือเลนส์ทั่วไปที่มีการเคลือบสารกันแสงสีฟ้า มักใช้เทคโนโลยีการเคลือบผิว (Coating) ระดับพื้นฐาน มีประสิทธิภาพในการกรองแสงสีฟ้าได้เพียงบางช่วงคลื่น (ส่วนมาก 400–430 นาโนเมตร) ซึ่งช่วยลดอาการเมื่อยตาได้ระดับหนึ่ง เหมาะกับผู้ที่ใช้งานหน้าจอไม่เกิน 4–6 ชั่วโมงต่อวัน

แต่จุดที่ต้องระวังคือ

  • การเคลือบอาจเสื่อมสภาพเร็วภายในไม่กี่เดือน
  • สีของเลนส์อาจอมเหลือง ทำให้สีภาพเพี้ยน
  • ไม่มีการป้องกัน UV หรือกันรอยขีดข่วนที่ดีนัก
  • ไม่สามารถปรับลดแสงสะท้อนหรือกรองคลื่นความถี่สูงได้อย่างแม่นยำ

สรุป: ถ้าใช้งานทั่วไป เช่น ดูหนัง เล่นมือถือ หรือทำงานเอกสารเบา ๆ แว่นราคาหลักร้อยก็เพียงพอ แต่ถ้าทำงานหน้าจอทั้งวัน หรือมีอาการปวดตาบ่อย ควรมองหาเลนส์ที่คุณภาพสูงขึ้น

เลนส์แบรนด์เนมราคาหลักพัน–หมื่น ต่างกันตรงไหน?

เลนส์แบรนด์เนม เช่น HOYA, ZEISS, Essilor, Nikon Lenswear ใช้เทคโนโลยีการกรองแสงที่ซับซ้อนกว่า มีการคำนวณระดับคลื่นแสงที่อันตรายต่อจอประสาทตาอย่างแม่นยำ (โดยเฉพาะช่วง 415–455 นาโนเมตร) พร้อมเคลือบหลายชั้นเพื่อเพิ่มคุณสมบัติพิเศษ เช่น

  • ป้องกันรอยขีดข่วน
  • ลดแสงสะท้อนจากหน้าจอ
  • ป้องกัน UV400
  • กรองแสงสีน้ำเงินได้เฉพาะช่วงอันตรายโดยไม่ทำให้ภาพเหลือง

นอกจากนี้ ยังมีเลนส์เฉพาะทาง เช่น BlueControl, BlueProtect, Prevencia ที่ช่วยปรับสมดุลแสงให้เหมาะกับสภาพการใช้งานและลดอาการเมื่อยล้าของสายตาในระยะยาว เหมาะกับคนที่ใช้คอมพิวเตอร์หรือมือถือเกินวันละ 8 ชั่วโมง หรือผู้ที่ต้องการคุณภาพภาพคมชัด สีไม่เพี้ยน เช่น กราฟิกดีไซเนอร์ ช่างภาพ หรือโปรแกรมเมอร์

เลือกแว่นกรองแสงสีฟ้าอย่างไรให้คุ้มกับราคา

  1. ดูระดับการกรองแสง (Blue Light Filter Percentage) – หากต่ำกว่า 20% มักเป็นเลนส์ทั่วไป แต่ถ้าอยู่ระหว่าง 30–50% จะเริ่มเห็นความแตกต่างของคุณภาพ
  2. เลือกแบรนด์ที่มีใบรับรองมาตรฐาน เช่น CE, ISO, FDA
  3. ทดสอบความสบายตา หลังใส่ต่อเนื่อง 1–2 ชั่วโมง ควรไม่ปวดตาหรือมึนหัว
  4. เลือกเลนส์ให้ตรงลักษณะงาน – ถ้าทำงานหน้าจอทั้งวัน ให้เลือกเลนส์ Blue Light ระดับสูง หรือเลนส์โปรเกรสซีฟที่ผสมการกรองแสง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับแว่นกรองแสงสีฟ้า

Q: แว่นกรองแสงสีฟ้า ราคาถูกจากออนไลน์ ใช้ได้ไหม?
A: ใช้ได้ในระยะสั้นหรือการใช้งานทั่วไป แต่หากใส่ทำงานนาน ๆ อาจเกิดอาการเมื่อยล้าสายตา เพราะกรองแสงได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

Q: ใส่แว่นกรองแสงสีฟ้าทุกวันอันตรายไหม?
A: ไม่อันตราย แต่ควรเลือกเลนส์ที่กรองเฉพาะแสงสีน้ำเงินช่วงอันตราย ไม่ใช่กรองหมด เพราะอาจทำให้การมองเห็นสีเพี้ยนและสมองหลับยาก

Q: จำเป็นต้องใช้เลนส์แบรนด์เนมเสมอไหม?
A: ไม่จำเป็นเสมอไป ถ้าใช้งานหน้าจอไม่มาก เลนส์ราคาประหยัดก็เพียงพอ แต่ถ้าทำงานหนักและต้องการภาพคมชัดต่อเนื่อง การลงทุนในเลนส์แบรนด์เนมถือว่าคุ้มค่าในระยะยาว

แว่นกรองแสงสีฟ้า ราคาดี คุณภาพครบ – เลือกที่ ตาลุก ออพติก

ที่ ตาลุก ออพติก ร้านแว่นตาเชียงใหม่ เรามีบริการตรวจวัดสายตาด้วยเครื่องมือทันสมัย พร้อมแนะนำเลนส์กรองแสงสีฟ้าหลากหลายระดับ ทั้งแบบ ราคาประหยัด สำหรับการใช้งานทั่วไป ไปจนถึง เลนส์แบรนด์เนมระดับพรีเมียม จากผู้ผลิตชั้นนำอย่าง HOYA, ESSILOR และ ZEISS ซึ่งช่วยลดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตาโดยไม่ทำให้สีเพี้ยน

สุดท้ายแล้ว เลนส์บลูบล็อกราคาถูกกับเลนส์แบรนด์เนม ไม่ได้ต่างกันแค่เรื่องราคา แต่ต่างกันใน “ความแม่นยำของการกรองแสงและความสบายตาเมื่อใช้งานต่อเนื่อง” หากคุณจ้องหน้าจอทุกวัน เลนส์คุณภาพดีคือการลงทุนเพื่อสุขภาพตาในระยะยาว แต่หากใช้งานทั่วไป เลนส์ราคาหลักร้อยก็ถือว่าเพียงพอ

และหากคุณกำลังมองหา ร้านแว่นตาเชียงใหม่ที่ให้คำแนะนำแบบมืออาชีพ
ตาลุก ออพติก มีให้บริการตั้งแต่ Ray-Ban, เลนส์โปรเกรสซีฟมองชัดทุกระยะ ไปจนถึง แว่นกรองแสงสีฟ้าคุณภาพสูง สำหรับคนทำงานหน้าจอ

ไม่ว่าคุณจะเลือกแว่นกรองแสง เช็กราคาเลนส์โปรเกรสซีฟ หรือปรับค่าสายตาใหม่ เราพร้อมช่วยให้คุณได้ แว่นดี ใส่สบาย มองชัด ในราคาสบายกระเป๋า

053-279749
094-7585661
taalookoptic@gmail.com
@taalookoptic

Similar Posts